คำนิยาม
บริษัท หมายถึง บริษัท ทูนาว เน็ตเวิร์ค จำกัด
ผู้ให้ใช้ระบบ หมายถึง บริษัท ทูนาว เน็ตเวิร์ค จำกัด
ผู้ขอใช้ระบบ หมายถึง ผู้สมัครขอใช้บริการ ตามแบบคำขอที่บริษัทกำหนดเป็นมาตรฐานไว้
แพลตฟอร์ม หมายถึง แพลตฟอร์มที่ให้บริการทั้งหมด ได้แก่ ขนส่ง ขายสินค้า จัดการด้านเอกสาร
ระบบ API หมายถึง การเชื่อมระบบการให้บริการภายใต้บริการด้านแพลตฟอร์ม
ผู้ใช้บริการ หมายถึง ผู้ที่ใช้บริการบนแพลตฟอร์ม ของ “ผู้ขอใช้บริการ”
ระบบร้านค้า หมายถึง เว็บไซต์สำเร็จรูปของทางบริษัทกำหนดเป็นมาตรฐานไว้
บริการชำระเงิน หมายถึง ช่องทางรับชำระค่าสินค้า/ค่าบริการที่บริษัทจัดทำขึ้น
บริการเติมเงิน หมายถึง บริการที่ต้องชำระล่วงหน้าก่อนใช้
บริการเครื่องหมายการค้า หมายถึง เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ
ข้อตกลงของผู้ขอใช้ระบบ
1. สิทธิการใช้งาน
1.1. “ผู้ขอใช้ระบบ” สามารถ ใช้งานระบบบริการ ต่างๆที่เปิดสาธารณะ
1.2. “ผู้ขอใช้ระบบ” สามารถ ใช้งานระบบ API ต่างๆที่เปิดสาธารณะ
1.3. “ผู้ขอใช้ระบบ” สามารถ ใช้งานแพลตฟอร์ม โดยภายใต้สิทธิของ “ผู้ให้ใช้ระบบ”
1.4. “ผู้ขอใช้ระบบ” สามารถ สร้าง แก้ไข ลบ ยกเลิก ข้อมูลทั้งหมดตามสิทธิที่ระบบกำหนด
1.5. “ผู้ขอใช้ระบบ” สามารถ นำเว็บไซต์ shop.tonow.net epay.tonow.net ใช้งานได้ตามที่ระบบกำหนดไว้
1.6. “ผู้ขอใช้ระบบ” สามารถ นำชื่อบริษัท ชื่อทางการค้า แสดงบนหน้าระบบร้านค้า หรือ ตามที่ปรากฏใน shop.tonow.net epay.tonow.net เท่านั้น
1.7. “ผู้ขอใช้ระบบ” สามารถ จำหน่ายสินค้าและบริการที่ถูกต้องกฎหมาย ตามหลักจริยธรรม โดยจะไม่ละเมิดกฎหมาย
1.8. “ผู้ให้ใช้ระบบ” สามารถ นำเครื่องหมายการค้า ชื่อร้านค้า ชื่อกิจการ ชื่อบริษัท ชื่ออื่นๆ รูปภาพ เนื้อหา หรือข้อมูลใดๆ ที่ปรากฏในระบบ ไปใช้งานได้โดย มิถือเป็นการละเมิดการใช้งานใดๆ
1.9. “ผู้ขอใช้ระบบ” ไม่สามารถ ใช้งานเป็นตัวกลางแก่บุคคลที่สาม หรือ ร้านค้าในเครือได้ทุกกรณี
1.10. “ผู้ขอใช้ระบบ” ไม่สามารถ ใช้งานบริการชำระเงินนอกเหนือที่กำหนดได้
2. หน้าที่และความรับผิดชอบของ “ผู้ให้ใช้ระบบ”
2.1. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ดำเนินการดูแลและตรวจสอบ ระบบ API ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยพร้อมทำหน้าที่ช่วยเหลือและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของ “ผู้ขอใช้ระบบ” ในกรณีต่างๆ ตามความเหมาะสม
2.2. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ดำเนินการดูแลและตรวจสอบ เกี่ยวกับการทำงานของ “ผู้ขอใช้ระบบ” ให้เป็นไปตามข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ
2.3. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ดำเนินการดูแลและตรวจสอบ ป้องกันการทุจริตหรือพยายามทุจริตของผู้ใช้บริการ
2.4. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ดำเนินการดูแล ตรวจสอบ และระงับ แพลตฟอร์ม
2.5. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ดำเนินการดูแล ตรวจสอบ และระงับ ระบบ API
2.6. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ดำเนินการดูแล ตรวจสอบ และระงับ ระบบร้านค้า
2.7. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ดำเนินการดูแล ตรวจสอบ และระงับ บริการชำระเงิน
2.8. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ระงับการให้บริการทันที หากระบบมีความผิดปกติ โดยไม่จำต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
2.9. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ตัดชำระเงิน คืนเงิน ยกเลิกรายการต่างๆได้ โดยไม่จำต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
2.10. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือต่างๆ ใน วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 นาฬิกาเท่านั้น
เว้นแต่เป็นวันหยุดประจำปีของผู้ให้ใช้บริการ ผ่านช่องทางดังนี้
Email. support@tonow.net
LINE. @tonow
Website. Chat Support
3. หน้าที่และความรับผิดชอบของ “ผู้ขอใช้ระบบ”
3.1. “ผู้ขอใช้ระบบ” มีหน้าที่ ใช้งานระบบเป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนด
3.2. “ผู้ขอใช้ระบบ” มีหน้าที่ ตรวจสอบและป้องกัน การทุจริตหรือพยายามทุจริตของผู้ใช้บริการ
3.3. “ผู้ขอใช้ระบบ” มีหน้าที่ สร้าง แก้ไข ลบ ยกเลิก ข้อมูลต่างๆ เป็นไปตามเงื่อนไขและข้อกำหนด
3.4. “ผู้ขอใช้ระบบ” ไม่มีสิทธินำ “แพลตฟอร์ม” ของ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ไปให้บริการต่อกับบุคคลหรือนิติบุคคล หรือบริการอื่นนอกเหนือไปจากที่ “ผู้ขอใช้ระบบ” ได้แจ้งเอาไว้กับ “ผู้ให้ใช้ระบบ” เท่านั้น หากพบว่ามีการนำไปเปิดให้บริการต่อโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตจาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” และได้รับอนุญาตเป็นหนังสือเท่านั้น “ผู้ให้ใช้ระบบ” จะดำเนินการระงับบริการทันที รวมถึง “ผู้ขอใช้ระบบ” จะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด
4. ค่าตอบแทนบริการ
4.1. ค่าตอบแทนการทำรายการที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” เรียกเก็บจากผู้ขอใช้ระบบ
4.2. ผู้ขอใช้ระบบตกลงชำระค่าตอบแทนบริการชำระเงินและค่าธรรมเนียมแบ่งชำระสำหรับบริการชำระค่าสินค้า/ค่าบริการ โดยเรียกเก็บเงินผ่านบัตรเครดิตแบบผ่อนชำระตามอัตราที่กำหนดไว้ในส่วนที่ 2 และตามรอบระยะเวลาตามที่ ตกลงกันไว้แล้ว โดยผู้ขอใช้ระบบยินยอมให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” นำค่าตอบแทนดังกล่าวหักกับเงินค่าสินค้า/ค่าบริการของผู้ขอใช้ระบบ ที่ลูกค้าชำระก่อนนำส่งให้แก่ผู้ขอใช้ระบบได้
4.3. ผู้ขอใช้ระบบยินยอมให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” แก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราค่าตอบแทน รอบระยะเวลาการจ่ายค่าตอบแทน ตามที่ตกลงกันไว้แล้วได้ โดย “ผู้ให้ใช้ระบบ” จะแจ้งให้ผู้ขอใช้ระบบทราบล่วงหน้า
4.4. กรณีผู้ขอใช้ระบบประเภทนิติบุคคล มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามที่อัตราที่ กฎหมายกำหนด จากเงินค่าตอบแทนการให้บริการชำระเงินที่ผู้ขอใช้ระบบชำระให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” โดยสามารถส่งเอกสารการหักภาษี และแจ้งความประส่งขอรับเงินคืน
4.5. ผู้ขอใช้ระบบยินยอมให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” แก้ไขเปลี่ยนแปลงอัตราค่าตอบแทนการทำรายการที่ผู้ขอใช้ระบบตกลงให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” เรียกเก็บจากลูกค้าตามที่ตกลงกันไว้แล้วได้ โดยผู้ขอใช้ระบบตกลงแจ้งอัตราค่าตอบแทนที่แก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ลูกค้าทราบ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
5. การนำส่งเงินค่าสินค้าและบริการ
5.1. ผู้ขอใช้ระบบตกลงให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” นำส่งเงินค่าสินค้า/ค่าบริการที่ลูกค้าชำระให้แก่ผู้ขอใช้ระบบ ตามรายงานการรับชำระเงินที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” เป็นผู้บันทึกและจัดทำขึ้น ภายหลังหักค่าตอบแทนในกรณีผู้ขอใช้ระบบตกลงให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” เรียกเก็บค่าตอบแทนการทำรายการจากผู้ขอใช้ระบบ โดยวิธีโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ภายในวันทำการถัดไปของธนาคารนับแต่วันที่ลูกค้าชำระเงินค่าสินค้า/ค่าบริการ
5.2. กรณีผู้ขอใช้ระบบมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบัญชีรับเงิน ประเภทบัญชีเงินฝากธนาคาร ผู้ขอใช้ระบบต้องแจ้งให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ทราบ ล่วงหน้าเป็นลายลักษณ์อักษรไม่น้อยกว่า 7 วัน พร้อมส่งหลักฐานสำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารที่ได้เปลี่ยนแปลงให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” และ ให้ถือว่าข้อตกลงนี้มีผลใช้บังคับสำหรับบัญชีเงินฝากธนาคาร ที่ได้เปลี่ยนแปลงใหม่ทุกประการ
6.การคืนเงินสินค้าและบริการ
6.1. กรณีลูกค้าแสดงความประสงค์ขอคืนสินค้า/บริการแก่ผู้ขอใช้ระบบ หรือปฏิเสธการชำระเงินค่าสินค้า/ค่าบริการ อันเนื่องมาจากความชำรุดบกพร่องของสินค้า หรือผู้ขอใช้ระบบมิได้ส่งสินค้า/บริการตามวันและเวลาที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” กำหนด หรือ ลูกค้าไม่ได้รับสินค้า/บริการ หรือได้รับแต่ไม่ครบถ้วน หรือกรณีอื่นใด ผู้ขอใช้ระบบตกลงให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ดำเนินการ ดังนี้
6.1.1. หากผู้ขอใช้ระบบได้รับเงินค่าสินค้า/ค่าบริการที่ลูกค้าได้ชำระไว้จาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” เรียบร้อยแล้วผู้ขอใช้ระบบต้องคืนเงินค่า สินค้า/ค่าบริการดังกล่าวให้แก่ลูกค้าทันที ยกเว้นกรณีลูกค้าชำระเงินค่าสินค้า/ค่าบริการให้แก่ผู้ขอใช้ระบบด้วยบัตรเครดิต ผู้ขอใช้ระบบต้องคืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” เพื่อคืนเงินเข้าบัญชีบัตรเครดิตตามเงื่อนไขวิธีการที่ผู้ให้บริการ บัตรเครดิตหรือธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงินกำหนดเท่านั้น และผู้ขอใช้ระบบไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายหรือ ค่าเสียหายใดๆ เพิ่มเติมจากลูกค้า กรณีที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ได้คืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการให้แก่ลูกค้า หรือธนาคาร หรือผู้ให้บริการรับ ชำระเงินไปก่อนแล้วล่วงหน้า ผู้ขอใช้ระบบต้องคืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการดังกล่าวให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ ได้รับแจ้งจาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” โดยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ตามรายละเอียดที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” จะได้แจ้งให้ทราบ หรือยินยอมให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” หักจากเงินค่าสินค้า/ค่าบริการหรือเงินใดๆ ที่ผู้ขอใช้ระบบพึงจะได้รับจาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” ได้ทันที
6.1.2. หากผู้ขอใช้ระบบยังมิได้รับเงินค่าสินค้า/ค่าบริการที่ลูกค้าได้ชำระไว้จาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” ผู้ขอใช้ระบบต้องแจ้งพร้อมชี้แจงสาเหตุ ให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบต่อไป
6.2. กรณีลูกค้าแสดงความประสงค์ขอคืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการ หรือปฏิเสธการชำระเงินค่าสินค้า/ค่าบริการต่อธนาคารหรือผู้ ให้บริการบัตรเครดิตหรือผู้ให้บริการรับชำระเงิน อันเนื่องมาจากถูกปลอมแปลงเลขที่บัญชีธนาคาร/บัตรเครดิต/ปลอมแปลง เอกสารเปิดใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือมีการนำเลขที่บัญชีธนาคาร/บัตรเครดิต/รหัสของกระเป๋าเงิน อิเล็กทรอนิกส์ไปใช้โดยทุจริตหรือมีการนำไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต เมื่อลูกค้า ธนาคาร ผู้ให้บริการบัตรเครดิต ผู้ให้บริการชำระเงิน และ/หรือผู้เกี่ยวข้องร้องขอ ผู้ขอใช้ระบบต้องร่วมดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากปรากฏว่ามีการปลอมแปลง เลขที่บัญชีธนาคาร/บัตรเครดิต/ปลอมแปลงเอกสารเพื่อเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือมีการนำเลขที่บัญชีธนาคาร/บัตรเครดิต/กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปใช้โดยทุจริตจริง ผู้ขอใช้ระบบต้องคืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการจำนวนดังกล่าวให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” และ “ผู้ให้ใช้ระบบ” จะดำเนินการคืนเงินดังกล่าวให้แก่เจ้าของบัญชีธนาคาร ผู้ถือบัตร ธนาคาร ผู้ให้บริการบัตรเครดิตผู้ให้บริการรับชำระเงิน หรือผู้เสียหายต่อไป และผู้ขอใช้ระบบไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายหรือค่าเสียหายใดๆ เพิ่มเติมจากลูกค้าซึ่งเป็น ผู้เสียหาย กรณีที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ได้คืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นผู้เสียหาย หรือเจ้าของบัญชีผู้ถือบัตร หรือธนาคาร หรือผู้ให้บริการบัตรเครดิต หรือผู้ให้บริการรับชำระเงินไปก่อนแล้ว ผู้ขอใช้ระบบต้องคืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการดังกล่าวให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ภายใน 3 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” โดยวิธีโอนเข้าบัญชีธนาคารของ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ตามรายละเอียดที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” จะได้แจ้ง ให้ทราบ หรือยินยอมให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” หักจากเงินค่าสินค้า/ค่าบริการ หรือเงินใดๆ ที่ผู้ขอใช้ระบบพึงจะได้รับจาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” ได้ทันที
6.3. หากผู้ขอใช้ระบบคืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ 6.1 และ/หรือ 6.2 ในส่วนนี้ ผู้ขอใช้ระบบยินยอมชำระดอกเบี้ยให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของจำนวนเงินที่ค้างชำระ นับตั้งแต่วันที่ผิดนัด จนกว่าผู้ขอใช้ระบบจะชำระเงินคืนให้แก่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” เสร็จ
6.4. หากผู้ขอใช้ระบบได้รับความเสียหายจากการคืนเงินค่าสินค้า/ค่าบริการ ตามข้อ 6.2 ในส่วนนี้ผู้ขอใช้ระบบตกลงจะไป เรียกร้องค่าสินค้า/ค่าบริการ ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่าย หรือค่าเสียหายใดๆ จากผู้รับสินค้า/บริการ หรือผู้ได้รับประโยชน์จากสินค้า/ บริการเอง และตกลงจะไม่เรียกร้องค่าใช้จ่าย หรือค่าเสียหายใดๆ จาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” และ/หรือธนาคาร หรือผู้ให้บริการบัตรเครดิต หรือผู้ ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งสิ้น
7. สิทธิในการหักกลบลบหนี้
7.1. ผู้ขอใช้ระบบยินยอมให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” นำเงินค่าสินค้า/ค่าบริการของผู้ขอใช้ระบบหรือเงินอื่นใดที่ผู้ขอใช้ระบบมีอยู่กับ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ไป หักกลบลบหนี้ที่ผู้ขอใช้ระบบเป็นหนี้กับ
“ผู้ให้ใช้ระบบ” ได้การโอนสิทธิและหน้าที่
8. การโอนสิทธิและหน้าที่
8.1. ผู้ขอใช้ระบบไม่สามารถโอนสิทธิและหน้าที่ตามข้อตกลงนี้ให้แก่ผู้อื่น เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” ก่อน ทั้งนี้ ความยินยอมดังกล่าวไม่เป็นเหตุให้ผู้ขอใช้ระบบหลุดพ้นจากความรับผิด หรือพันธะหน้าที่ตามข้อตกลงนี้ และ “ผู้ขอใช้ระบบ” ยังคงต้องรับผิดในความผิดหรือความประมาทเลินเล่อของผู้รับโอนนั้นทุกประการการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้บริการ
9. กำหนดภาระภาษี
9.1. ภาระภาษีเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดย “ผู้ขอใช้ระบบ” ยินยอมเป็นผู้มีหน้าที่ชำระภาษีป้าย เบี้ยปรับ เงินเพิ่ม หรือ ค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งมีขึ้นหรือที่จะมีขึ้นจากการดำเนินงานในส่วนของผู้ขอใช้ระบบตามที่กฎหมายกำหนด
9.2. หาก “ผู้ขอใช้ระบบ” หัก ภาษี ณ ที่จ่าย (บางบริการ) ให้นำส่งเอกสาร และ ขอเงินคืนได้ที่ Email support@tonow.net และทาง“ผู้ให้ใช้ระบบ” จะโอนเงินคืนค่าภาษีที่หักไว้ ภายใน 30 วัน
10. สิทธิของผู้ให้ใช้ระบบภายหลังการยกเลิกบริการ
10.1. เมื่อมีการยกเลิกการใช้ระบบ ไม่ว่ากรณีใดๆ “ผู้ให้ใช้ระบบ”มีสิทธิลบข้อมูลบัญชีของ “ผู้ขอใช้ระบบ” และ/หรือข้อมูลอื่นๆ ที่ได้มีการบันทึกไว้ในระบบ หรือบน “แพลตฟอร์ม” ทั้งหมดภายใน 7วัน - 5 ปี โดย ผู้ขอใช้ระบบ จะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จาก“ผู้ให้ใช้ระบบ”ได้
11. สิทธิระงับการให้ใช้ระบบ
11.1. กรณีที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ต้องการยกเลิกการให้ใช้ระบบ ต้องแจ้งให้ “ผู้ขอใช้ระบบ” ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
11.2. “ผู้ให้ใช้ระบบ” มีสิทธิระงับการให้ใช้ระบบและ/หรือบอกเลิกข้อตกลงและเงื่อนไขบริการได้ทันที โดย ไม่ต้องแจ้งให้ “ผู้ขอใช้ระบบ” ทราบล่วงหน้า ถ้าปรากฏว่าผู้ขอใช้ระบบปฏิบัติผิดเงื่อนไขข้อตกลงนี้ แม้ข้อใดข้อหนึ่ง หรือผู้ขอใช้ระบบ ใช้บริการนี้ไปในทางที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของศีลธรรมอันดี หรือปฏิบัติผิดกฎหมาย หรือปฏิบัติผิดระเบียบ ข้อกำหนด คำสั่ง หรือประกาศของผู้ให้ใช้ระบบ หรือกรณีที่ผู้ให้ใช้ระบบมีความจำเป็นต้องระงับการให้ใช้ระบบ เพื่อป้องกันการเกิดภาระ หรือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยผู้ขอใช้ระบบตกลงจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากผู้ให้ใช้ระบบ
12. การไม่ต้องรับผิดของ “ผู้ให้ใช้ระบบ”
12.1. “ผู้ขอใช้ระบบ” ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี กับหน่วยงานหรือ/และบุคคลหรือ/และนิติบุคคล และ/หรือใดๆ ทาง “ผู้ขอใช้ระบบ” จะไม่เชื่อมโยงและ/หรือกล่าวโทษกับ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ทุกกรณี
12.2. ผู้ขอใช้ระบบ” รับทราบว่าการให้บริการใดๆบน “แพลตฟอร์ม” อาจจส่งผลให้ระบบอาจจะมีข้อผิดพลาดและ/หรือบกพร่องของตัวระบบได้
12.3. “ผู้ขอใช้ระบบ” รับทราบว่า “แพลตฟอร์ม” อาจะมีการโดนโจรกรรมข้อมูลตัวระบบและหรือโดนปิดการใช้งานด้วยเหตุผลใดๆ “ผู้ขอใช้ระบบ” มิสามารถฟ้องร้องและ/หรือร้องเรียนและ/หรือดำเนินคดีใดๆ ได้
12.4. “ผู้ขอใช้ระบบ” จำหน่าย สินค้าและบริการเดียวกับสิ่งผิดกฎหมาย “ผู้ขอใช้ระบบ”จะเป็นผู้รับผิดเพียงฝ่ายเดียว
12.5. “ผู้ขอใช้ระบบ” รับทราบว่า การใช้งานระบบอาจจะมีข้อผิดพลาดและ/หรือบกพร่องของตัวระบบได้โดยมิสามารถฟ้องร้องและ/หรือร้องเรียนและ/หรือดำเนินคดีใดๆได้
13. เหตุสุดวิสัย
13.1. ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย หรือเหตุอื่นใดอันทำให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” ไม่สามารถดำเนินการให้บริการตาม ข้อกำหนดและเงื่อนไขการบริการฉบับนี้ได้ “ผู้ขอใช้ระบบ” ตกลงให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” พิจารณาการให้บริการ หรือดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อให้บริการตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการบริการ ฉบับนี้ได้ โดย ผู้ขอใช้ระบบตกลงยินยอมที่จะให้ความร่วมมือแก่ ผู้ให้ใช้ระบบ อย่างเต็มที่ และทุกวิถีทางในการปรับปรุงวิธีการของ ผู้ให้ใช้ระบบ เพื่อความสะดวกของผู้ขอใช้ระบบในบริการต่างๆ ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการบริการฉบับนี้
14. ความเป็นโมฆะ หรือความไม่สมบูรณ์
14.1. ถ้าข้อความใดในข้อกำหนดและเงื่อนไขการให้บริการนี้ กลายเป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับไม่ได้ในประการใดๆ ให้ข้อความที่เหลือยังคงชอบด้วยกฎหมาย สมบูรณ์ และใช้บังคับได้ตามกฎหมาย และไม่เสียไปเพราะความเป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับไม่ได้ของข้อความดังกล่าวนั้นการตีความตามกฎหมาย
15. การตีความตามกฎหมาย
15.1. ข้อกำหนดและเงื่อนไขการบริการฉบับนี้ให้ใช้บังคับ และตีความตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย และให้ศาลไทยเป็นศาลที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงฉบับนี้
15.2. “ผู้ขอใช้ระบบ” ตกลงว่า “ผู้ให้ใช้ระบบ” และ “ผู้ขอใช้ระบบ” จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง และหลักเกณฑ์ต่างๆ ทั้งที่มีอยู่ในขณะนี้และจะมีในภายหน้า หากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ผู้ขอใช้ระบบตกลงว่าในการใช้บริการ ผู้ขอใช้ระบบจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่เปลี่ยนแปลงนั้นทันทีตามที่ ผู้ให้ใช้ระบบแจ้งให้ทราบ หาก ผู้ขอใช้ระบบฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง จนเป็นเหตุให้ผู้ให้ใช้ระบบถูกเรียกค่าปรับ ค่าเสียหาย และ/หรือค่าใช้จ่าย ผู้ขอใช้ระบบตกลงรับผิดชอบชดใช้ค่าปรับ ค่าเสียหาย และ/หรือค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่ผู้ให้ใช้ระบบโดยพลัน
16. การเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูล
16.1. “ผู้ให้ใช้ระบบ” จะทำการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของ “ผู้ขอใช้ระบบ” และ “ผู้ใช้บริการ” ตามที่กฎหมายกำหนด และ “ผู้ใช้บริการ” ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โดยผู้ใช้บริการ ตกลงยินยอมให้ผู้ให้ใช้ระบบดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการตามที่ระบุไว้ ดังนี้ 16.1. “ผู้ให้ใช้ระบบ” จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ “ผู้ใช้บริการ” เพื่อการให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
16.2. “ผู้ให้ใช้ระบบ” อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
16.3. “ผู้ให้ใช้ระบบ” และ/หรือ “ผู้ขอใช้ระบบ” และ/หรือ ผู้ใช้บริการ มีสิทธิสร้าง แก้ไข ลบ ระงับข้อมูล ข้อมูลส่วนบุคคล ได้
16.4. “ผู้ใช้บริการ” ตกลงยินยอมให้ “ผู้ให้ใช้ระบบ” เก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลของผู้ใช้บริการที่ให้ไว้แก่ ผู้ให้ใช้ระบบ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จำเป็นเพื่อการบริการแก่ผู้ใช้บริการ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับ งานเทคโนโลยีสารสนเทศ งานติดต่อสื่อสาร หรืองานอื่นใดก็ตาม การโอนสิทธิและ/หรือหน้าที่ การปฏิบัติตามกฎหมาย การควบคุมกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่จำเป็นต่อการดำเนินการของผู้ให้ใช้ระบบ หรือเพื่อให้ผู้ให้ใช้ระบบสามารถให้บริการได้อย่างสมบูรณ์และ มีประสิทธิภาพ
17. ข้ออื่นๆ
17.1. “ผู้ขอใช้ระบบ” ตกลงผูกพันและปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการใช้บริการนี้ และตกลงชำระ ค่าบริการ และค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการนี้ ตามที่ “ผู้ให้ใช้ระบบ”กำหนดและแจ้งให้ “ผู้ขอใช้ระบบ” ทราบโดยประกาศเป็นการทั่วไปผ่านช่องทางต่างๆ ของ“ผู้ให้ใช้ระบบ” ทั้งที่มีอยู่แล้วในขณะนี้ และที่ผู้ให้ใช้ระบบจะกำหนดขึ้นใหม่ หรือเปลี่ยนแปลงในภายหน้าตามที่ผู้ให้ใช้ระบบเห็นสมควร ทุกประการ
17.2. “ผู้ขอใช้ระบบ” ทราบเงื่อนไขและรายละเอียดเพิ่มเติม โดยสามารถศึกษาเพิ่มเติมที่ https://www.tonow.net/faqs
17.3. “ผู้ขอใช้ระบบ” ทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวและข้อกำหนด โดยสามารถศึกษาเพิ่มเติมที่ https://www.tonow.net/policy/privacy
17.4. “ผู้ขอใช้ระบบ” มิจำเป็นต้องลงนามเอกสารนี้ โดยให้ถือว่าการลงชื่อเข้าใช้งานระบบจาก “ผู้ให้ใช้ระบบ” นั้นเป็นการยอมรับ
ด้วยระบบ TONOW PLATFORM




